Monday, November 29, 2010

ศาลใคร? คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร? โดย กาหลิบ

ใครแปลกใจในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในกรณียุบพรรคประชาธิปัตย์
แสดงว่ายังมีความลุ่มหลงกับระบอบโบราณของไทยว่าจะให้ความยุติธรรมและความเป็นธรรมในสังคมนี้ได้

การไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์โดยอาศัยประเด็นปลีกย่อยที่เป็นเทคนิคกฎหมาย
และเป็นตัวช่วยอย่างสำคัญต่อการก่อตัวขึ้นของระบอบประชาชน
หากยุบพรรคประชาธิปัตย์เสียอีก จะมีผู้ใหญ่ที่อ้างตัวเป็นแดงบางคนเข้ามาเชียร์ทันทีว่า
เห็นไหม ระบอบปัจจุบันยังใช้การได้ เราจะไปเคลื่อนไหวถึงขั้นระบอบและโครงสร้างกันไปทำไม

บุญเหลือเกินที่ความโง่บางชนิดถูกย่อยสลายได้ด้วยความจริงแบบเร่งด่วนทันใจ
ต้องขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญในแง่นี้เป็นอย่างยิ่ง

ใครติดตามวิธีพิจารณาวินิจฉัยกรณีร้องเรียนให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์มาตลอด จะเห็นได้พร้อมกันว่า
ระบอบเผด็จการโบราณเขามีความชำนาญและความรอบคอบในการสร้างเครื่องมือแห่งอำนาจเป็นอันมาก

เครื่องมือเหล่านั้นมีอะไรบ้าง?
ขอให้ไปเปิดฟังคำแถลงปิดคดีด้วยวาจาของ นายชวน หลีกภัยผู้เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
เสียอีกรอบ คราวนี้ฟังช้าๆ และจดประเด็นเอาไว้เหมือนเล็คเชอร์ด้วย เราจะได้ความรู้มากมายว่าฝ่ายตรงข้ามกับประชาชน
เขาซุ่มซ่อนเครื่องมือเหล่านั้นไว้ตรงไหนและอย่างไรบ้างในระบบกฎหมายของระบอบเขา

อย่าลืมว่า!!!
ฝ่ายโบราณเขาไม่ได้ครอบงำบ้านเมืองนี้อย่างบังเอิญแบบบุญหล่นทับ
เขาได้อำนาจอันล้นพ้นมาด้วยการฆ่า การทำลาย การปล้นชิง
และการวางอาวุธทางการเมืองเอาไว้ในระบบย่อยที่รวมกันแล้ว
กลายเป็นระบบใหญ่ที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่า ระบอบ

ประชาชนหน้าไหนหาญกล้ามาแย่งชิง คนๆ นั้นจะรู้รสทันทีว่า
รูปลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่สื่อสรรเสริญกันอยู่ตลอดทั้งวันทั้งคืนยิ่งกว่าเกาหลีเหนือนั้น
แท้ที่จริงแล้วคืองูพิษตัวร้ายที่คอยฉกกัดทำลายสรรพสิ่งทั้งหลายรอบตัว แม้แต่พวกเดียวกันเองหากไม่ถูกใจ

ซีกประชาธิปไตยโดยเฉพาะส่วนพรรคเพื่อไทยก็ต้องถือว่าเดินงานถูกต้องมาตลอดในคดีพรรคประชาธิปัตย์
การให้ข้อมูลที่เหมาะสมแก่สังคมทั้งในรูปคดี และความชอบธรรมของผู้ตัดสิน ถือว่าใช้การได้
และควรนำไปสู่การตัดสินที่เที่ยงธรรมกว่านี้ แต่เมื่อไม่เป็นเช่นนั้น
พรรคเพื่อไทยก็ต้องหันหน้าเข้าหากันและร่วมตัดสินใจให้ชัดว่า
ควรจะมองปัญหาการเมืองแบบสมานแผลนิดหน่อยก็จะหาย หรืองานนี้จำเป็นต้องผ่าตัดใหญ่กันเสียที

มวลชนผู้ก้าวหน้านั้นเขามีคำตอบชัดเจนแล้ว เขาเพียงหันมาถามอีกครั้งว่า
พรรคเพื่อไทยจะถือเอาเหตุนี้ปรับเปลี่ยนท่าทีเสียใหม่และเดินเคียงคู่กันไป
หรือจะละทิ้งมวลชนไปสู่เพื่อเอาตัวรอดง่ายๆ ด้วยการขายตัวและหัวใจต่อไป

ความจริงไม่ควรเสียเวลาพิจารณามาตั้งแต่ต้นว่า
ประชาธิปัตย์ถูกยุบหรือไม่จะมีประโยชน์ใดๆ ต่อฝ่ายประชาชน
เพราะอำนาจในการยุบพรรคการเมืองไม่ควรอยู่ในมือของใครทั้งนั้น

สังคมประชาธิปไตยที่ก้าวหน้าตาสว่างเขาไม่มียุบพรรคกันหรอกครับ
เขาใช้วิธีลงโทษบุคคลผู้สร้างความเสียหายหรือทำความผิดทางกฎหมายของพรรคนั้นๆ แทน

พรรคการเมืองทุกพรรคเป็นสมบัติของประชาชน เทวดาหน้าไหนไม่ควรมีสิทธิ์สั่งยุบทั้งนั้น
หากเรายืนอยู่บนหลักการว่าพรรคการเมืองมีสิทธิ์ถูกยุบได้ และเชียร์ให้อำนาจนอกระบบนั้นเบื่อหน่ายคิดยุบพรรคที่เราชิงชัง
สุดท้ายก็เท่ากับเราสนับสนุนระบอบการเมืองแปลกประหลาด ที่อนุญาตให้อำนาจนอกระบบ
เอื้อมมือเข้ามายุ่งกับสถาบันการเมืองของประชาชนได้ต่อไป

สองประเด็นนี้ทับซ้อนกัน ต้องพิจารณาให้ดี

ในขั้นต้นนั้นอาจนำกรณีไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์มาฉีกหน้ากากของระบอบการปกครองไทยในปัจจุบันได้
แต่ในขั้นที่ลึกลงไปแล้ว เราไม่ควรเชียร์อำนาจนอกระบบที่แอบเข้ามายุบพรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองสีอะไร
และต้องเชิดหน้าให้สูงกว่าทาส โดยยืนยันในศักดิ์ศรีความเป็นคนของตัวเราเอง

พรรคการเมืองใดที่เราไม่ชอบก็อย่าเลือก อย่าเข้าเป็นสมาชิก และงดสนับสนุนในทุกทาง
แต่อย่าเรียกร้องหรือหวังผลให้เกิดการยุบพรรคของเขา

ในระบอบประชาธิปไตยนั้น พรรคของเขาก็คือพรรคของเรา แต่เราจะเลือกใครสู่อำนาจเมื่อใดคือสิทธิทางการเมืองของเรา

อำนาจศาลของเขาสิครับ ไม่ใช่่อำนาจของเราอย่างแน่นอน นั่นล่ะครับคือประเด็นต่อสู้.

No comments:

Post a Comment