Monday, September 6, 2010

ปัจฉิมนิเทศ "โครงการผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง"

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองประธานกรรมการที่ปรึกษามูลนิธิสัมมาชีพ อดีตรมว.คลัง กล่าวปิดโครงการปัจฉิมนิเทศ หลักสูตรโครงการผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง (Leadership for Change) ซึ่งมีนายกเทศมนตรี นักธุรกิจ เอ็นจีโอ และชาวบ้านที่เป็นผู้นำชุมชน กว่า 150 คน เข้าร่วมว่า ตนคิดโครงการนี้ขึ้นมาเพราะเคยมีความฝันอยากเห็นประเทศดีขึ้น ก่อนหน้านี้เป็นนักวิชาการ เป็นที่ปรึกษาภาคเอกชน ครั้งหนึ่งเคยนั่งกินกาแฟร่วมกันโดยข้างซ้ายคือนายสนธิ ลิ้มทองกุล ข้างขวาคือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักกันมาก นั่นคือ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ไม่เคยคิดว่าทุกวันนี้บุคคลทั้งสองจะเป็นเจ้าของกีฬาสี นี่คือดวงชะตาคนเรา

"ผมได้เข้าไปช่วยคุณทักษิณที่กระทรวงการต่างประเทศ และได้บอกท่านว่าให้ใช้เศรษฐกิจนำการทูต เมื่อตั้งพรรคไทยรักไทย เขียนนโยบายที่จุดประกายความคิด ตอนนั้นมีหนังสือต่างประเทศที่คนไทยนำมาแปลชื่อว่า Rethinking the future ผมเขียนคำนิยมซึ่งแปลในเชิงว่า คิดใหม่ ทำใหม่ สำหรับประเทศไทยในขณะนั้น ประสบการณ์ทำให้มีโอกาสได้คลุกคลีหลายภาคส่วน ไม่ว่าภาคการศึกษา ภาคเอกชน ภาคราชการ ภาคการ เมือง จนเข้ามาอยู่เต็มตัวจริงๆ ในภาคการ เมืองอยู่ 6 ปีเต็มๆ" นายสมคิดกล่าว

เขยื้อนภูเขาทำคนเดียวไม่สำเร็จ
นายสมคิด กล่าวต่อว่า ตอนนั้นแม้จะเหนื่อยแต่ก็เป็นความสุขของคนที่เคยฝันที่อยากเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ดีขึ้น ฝันอยากให้ประเทศไทยมีความสามารถเชิงแข่งขันที่โดดเด่น ฝันอยากให้สังคมมีความสุข และได้ทำเพื่อสังคมโดยมีแรงผลักดัน เช่น การท่องเที่ยว เรื่องกองทุนหมู่บ้าน และอื่นๆ อีกมากมาย ทำงานเหนื่อยก็จริง แต่มีความสุขใจที่มีโอกาสช่วยฟื้นฟูประเทศ มีหลายคนพูดถึงปัญหาหลายด้านที่ตนได้ทำในช่วง 6 ปีเต็มทางด้านการเมืองซึ่งมีความทุกข์พอสมควร ที่เห็นปัญหาของบ้านเมืองแล้วไม่สามารถผลักดันหรือขับเคลื่อนได้ มันเหมือนการเขยื้อนภูเขา แต่มันเขยื้อนไม่ออก บางครั้งเห็นชัดๆ ว่าควรทำแต่ทำไม่ได้ เพราะว่าถ้าคุณคิดคนเดียว ทำคนเดียว ทำ ให้ตายก็ไม่มีทางสำเร็จ จึงเปลี่ยนความหวังใหม่โดยการสร้างผู้นำที่จะสามารถก้าวไปสู่การเป็นผู้นำในอนาคตและมาจากทุกภาคส่วน

แนะสร้างเมล็ดพันธุ์ผู้นำภาคส่วน"ที่วันนี้ประเทศไม่มีที่พึ่ง เพราะว่าเราไม่ได้สร้างเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นขึ้นมาในแต่ละภาคส่วน วันนี้เราเริ่มเห็นผู้นำในแต่ละท้องถิ่น นายกเทศมนตรีทั้งหลาย ผู้นำสหกรณ์ที่อายุไม่มาก แต่มีความคิดดีๆ นี่คือตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่าเมืองไทยไม่ได้ขาดคนดี แต่ทำอย่างไรจะจุดไฟให้เกิดขึ้น กล้าคิด กล้าทำ และไม่เอาตัวเองเป็นทาสของความคิดผิดๆ ผู้นำที่สามารถสร้างชาติบ้านเมืองต้องมีความรักชาติ รักบ้านเมือง เสียสละ กล้าหาญ ซึ่งสำคัญมาก กรณีผู้นำที่ผมชื่มชมมากและอยากยกมาเป็นตัวอย่าง คือนายลีกวนยู อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ตลอดชีวิตเขาได้ทุ่มเท ทำงานแบบไม่หยุด ทุกอย่างเริ่มจากแรงผลักข้างในทั้งสิ้น คนไทยเรามีแรงผลักแบบนี้หรือไม่ มีความมุ่งมั่นหรือไม่ทางการเมือง การเมืองไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เพื่อประเทศชาติ" นายสมคิด กล่าว

เป็นนักการเมืองต้องเลิกคิดเรื่องเงิน
อดีตรมว.คลัง กล่าวด้วยว่า นายลีกวนยูคิดถึงอนาคต เลือกสรรคนดีเข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง ทุ่มเทให้กับการศึกษา เอาคนเก่งเข้ามาในประเทศไม่ว่าจะชาติใดก็ตาม เขาบอกว่าถ้ามีแต่คนพูดหวานวันหนึ่งข้างหน้าคนเหล่านั้นจะออกลาย และทำให้ชาติเสื่อมทราม ประเทศเจริญได้ต้องทำให้เข้มแข็ง รัฐบาลต้องมีคนดีมาบริหาร เพราะเขาจะคิดแต่สิ่งดีๆ ประเทศชาติจะเจริญ อย่าไปเสียดายเงินเดือนค่าจ้าง ถ้าคิดจะเป็นนักการเมืองต้องเลิกคิดเรื่องเงิน ถ้าคิดเมื่อไรชีวิตการเมืองสิ้นสุดลงไปแล้ว มีคนถามนายลี กวนยูว่าจะห่วงหรือไม่ถ้าวันหนึ่งมีพรรค การเมืองอื่นมาเป็นรัฐบาลแทน เขาบอกว่าไม่ห่วงเลยตราบใดที่พวกเขารู้ว่าจะหาใครมาทำให้สิงคโปร์ทำงานได้ ก้าวไปข้างหน้าได้ แต่เมื่อไรที่หาคนเหล่านี้ไม่ได้สิงคโปร์จะลำบาก เขาเตือนประชาชนของเขาแบบตรงไปตรงมา แบบไม่มีระบบศรีธนญชัย หน้าที่ของรัฐคือทำให้ประชาชนมีกิน มีที่อยู่อาศัย

ชี้การเมืองไทยยุคหน้าด้านใจดำนายสมคิด กล่าวว่า ผู้นำต้องมีความคิด ต้องเปิดรับความคิด ต้องรู้จักทำในสิ่งที่ถูกต้อง ต้องสื่อความ ต้องกล้าตัดสินใจ ต้องไม่เห็นว่าอำนาจ ตำแหน่งคืออะไร ต้องปลูกฝังและสร้างผู้นำรุ่นใหม่ขึ้นมาอายุ 30-50 ปี แล้วคิดถึงสิ่งเหล่านี้ จะทำให้ประเทศเดินต่อไปข้างหน้าได้ คนอายุมากควรถอยมาอยู่ข้างหลัง คอยช่วยเหลือสนับสนุน บางครั้งคนรักชาติ สร้างชาติ เขาอาจทำในสิ่งที่ผิดพลาดก็ควรให้อภัย ซึ่งไม่ใช่มีแต่สิงค โปร์ แต่มีอีกหลายประเทศเป็นแบบนี้ เมืองไทยต้องมีคนแต่ละรุ่นแบบนี้ มีจิตใจที่กล้า เสียสละ 4 ปีที่ผ่านมาและเดือนนี้ครบรอบของการเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่เห็นชัดโดยส่วนตัวบ้านเมืองเสื่อมลง ความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้น จริยธรรม คุณธรรมเริ่มตกต่ำ วิวัฒนาการของการเมืองไทยเป็นการเมืองศรีธนญชัยมาสู่การเมืองยุคหน้าด้านใจดำ ซึ่งหมายถึง คนเราจะดีได้หน้าต้องหนา สุดยอดต้องไม่มี จุดนิ่งเปลี่ยนได้ตลอด จิตใจดำจะให้ดีต้องทำให้ดำเหมือนถ่าน และขัดให้เงา มีการฉายแสงขึ้นมาแล้ววันนั้นจะได้ดี

อัดระบบการเมือง 1 ส.ส.-30ล้าน
นายสมคิดกล่าวว่า ตนเชื่อว่าประเทศไทยจะดีได้ต้องอยู่ที่คุณธรรม ซื่อสัตย์ ทำเพื่อส่วนรวม เมื่อตนอายุมากขึ้นช่วยหนุนคนรุ่นใหม่ขึ้นมาแทนที่ ตนกำลังคิดรวมนักวิชาการกลุ่มหนึ่งที่เมื่อไรต้องการความคิดพัฒนาจุดนั้นๆ เราก็จะพยายามนำความคิดเหล่านั้นไปให้พวกท่านตามกำลังที่เราจะช่วยได้ ถ้าทำอย่างนั้นได้ก็จะค่อยๆ แตกหน่อ สิ่งที่ตนอยากทำในวัย 57 ปี ตนไม่ต้องการเข้าการเมือง ไม่ต้องการตั้งพรรค การเมือง การมีการเมืองและมีตำแหน่งการเมืองเป็นเรื่องง่าย แต่การเข้าไปแล้วทำให้ประเทศดีขึ้นมันไม่ใช่ง่าย เมื่อไรที่ตั้งใจมากก็จะมีความทุกข์เพราะทำอะไรไม่ได้ ตราบใดเมืองไทย ส.ส. 1 คน 30 ล้าน เราผู้ประกอบสัมมาชีพจะไปทำการเมืองได้อย่างไร ภาคประชาชนจะเป็นความหวังของประเทศ ประชาชนแข็งแรง มีความรู้ รู้เท่าทัน รัฐบาลจะรับผิดชอบ ถ้าประชาชนอ่อนแอ ไม่รู้ไม่ชี้ใครทำอะไรก็ช่าง ยังฝันในสิ่งที่ศรัทธาในตัวบุคคล รอหวังอัศวินม้าขาวขึ้นมาการเมืองไทยจะไม่มีทางดีขึ้น

ที่มา : ข่าวสดออนไลน์

2 comments:

  1. ต้องลงมือทำและทำทันที

    ReplyDelete
  2. แค่มีความเชื่อท่านก็สามารถเคลื่อนภูเขาได้แล้ว

    ReplyDelete