Saturday, August 14, 2010

"ความเชื่อ" กับ "ความจริง"

ไพร่แดง

คนร้อยทั้งร้อยมักทำอะไรตามความเชื่อของตัวเอง โลกที่ขับเคลื่อนจากอดีตจนถึงปัจจุบันและกำลังเคลื่อนสู่อนาคตอยู่อย่างไม่ขาดสาย ไม่ว่าผลจะเกิดขึ้นอย่างไร พลังของความเชื่อเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการผลักดันปรากฏการณ์ ต่างๆ

"สำคัญอยู่ที่ว่า ความเชื่อนั้นเป็นเรื่องเดียวกันกับความจริงหรือไม่"

มนุษยชาติได้สร้างวัฒนธรรมมากมายจากความเชื่อ ขณะเดียวกันมนุษย์ก็ได้ทำลายและสูญเสียโอกาสมากมายจากความเชื่อเช่นกัน เมื่อหลายปีก่อนประเทศนี้กระดี๊กระด๊าที่จะได้เป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ เรียกกันติดปากอยู่หลายปี ว่าตัวเองกำลังจะเป็น NIC (Newly Industrialized Countries)) ที่สุดก็ถูกน็อค เพราะมันได้ทำลายโครงสร้างทางสังคมเดิมของประเทศนี้อย่างถาวรไปแล้ว ทรัพยากรถูกนำมาใช้อย่างฟุ่มเฟือยไร้ทิศทาง และไร้การควบคุม ส่งผลและมีอิทธิพลต่อค่านิยม รสนิยมทางสังคมและความเชื่อใหม่อีกมากมาย

คนมีความเชื่อที่ห่างไกลเหตุผลและความจริงมากขึ้น เช่น การแสวงหาการยอมรับจากคนในสังคมด้วยการโอ้อวดความร่ำรวย ที่ไม่สนใจคุณธรรม การแข่งขันแย่งชิง การสวมหน้ากากเข้าหากันเป็นเรื่องที่ยอมรับกันมากขึ้น ทำให้เกิดความสับสนในหมู่คนเพราะ บางครั้งความเชื่อกับความจริงอาจไม่ใช่สิ่งเดียวกัน

บางคนเชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่บางครั้ง ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป

บางคนเชื่อว่าทุกคนมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน ความจริงในสังคมได้ถูกแบ่งชนชั้นกันมากมาย

บางคนเชื่อว่าทำงานหาเงินส่งลูกเรียนจนจบได้ปริญญาหวังพึ่งพาลูกยามแก่เฒ่า แต่ความจริงลูกหางานทำไม่ได้ กลับมาเป็นภาระหนักยามหมดเรี่ยวแรง

บางคนเชื่อว่าเกษตรกรทำนาปลูกข้าวเลี้ยงคนทั้งในและต่างประเทศ เสียภาษีให้รัฐมาตลอดหวังพึ่งพายามยาก แต่ความจริง ได้ยินโฆษณากรอกหูทุกวันว่า ให้รู้จักช่วยเหลือตัวเอง

บางคนเชื่อว่าเสียภาษีให้รัฐไปจ้างข้าราชการมาทำงานรับใช้ประชาชน แต่ความจริงข้าราชการบางคนกลับทำตัวเป็นนายเรา

บางคนเชื่อว่าผู้ที่เข้ามาทำหน้าที่เป็นรัฐบาลจะรัก ดูแลรักษาประชาชน ถามและรับฟังความคิดเห็นด้วยความเคารพยำเกรง แต่ความจริงคือฆาตกร อำมหิต เลือดเย็น

บางคนเชื่อเชื่ออย่างมั่นใจว่า รัฐบาลนี้มีความจริงใจที่จะปรองดองหลังจากฆ่าประชาชนไปแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นยังมีการปองร้ายไล่ล่า

แต่ผมยังมีความเชื่ออย่างมั่นใจว่า ต้องแยกกันให้ดี
....ระหว่างความเชื่อกับความจริง เพราะบางครั้งอาจไม่ใช่เรื่องเดียวกัน....

2 comments:

  1. นิยายจีนโดยเฉพาะที่แต่งโดยโกวเล้ง จะสร้างบุคลิกของสุดยอดตัวร้าย เป็นผู้มีบุคลิกดี นิ่มนวล มีธรรมะ มีสถานะสูง กว่าจะเผยโฉมที่ชั่วร้าย ก็หลอกคนทั้งหลายจนยับเยิน ช่างคล้ายกับสังคมไทย การเมืองไทยยุคนี้ เสียเหลือเกิน ตัวละครตัวร้ายที่บงการพอจะเห็นรำไร ตัวที่รับคำสั่งก็อาศัยตัวบงการเพื่อการดำรงอยู่ของพรรคตนเอง ทุกสิ่งทุกเรื่องทั้งในและนอกประเทศถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อความได้เปรียบทางการเมืองภายในประเทศของพรรคและพวกตนเท่านั้น กล่าวอ้างความรักประเทศชาติเป็นของตนเท่านั้น แท้จริงแล้ว การกระทำล้วนเป็นผลร้ายต่อประเทศและประชาชน ในช่วงที่บุญเก่ายังให้ผลแก่พวกเหล่านั้นอยู่ ใครก็คงยากที่จะเจาะภาพภายนอกให้เห็นความเลวร้ายภายในของพวกเขาได้ แต่เมื่อไรสิ้นบุญบารมี เมื่อนั้นพวกเขาจะถูกทำลายด้วยผลบาป พวกเดียวกันนั่นแหละจะทำลายล้างกันเอง ไม่เร็วก็ช้า นี่ คือ วัฏฏจักร เกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อม และดับสลายในที่สุด ผมเชื่ออย่างนั้น

    ReplyDelete
  2. ผมเห็นด้วยกับท่านมงคลฯเป็นอย่างยิ่ง ประชาชนถูกยัดเยียดให้เชื่อบางสิ่งบางอย่างมาเป็นเวลานาน แล้วความจริงก็ค่อยๆปรากฏขึ้นเรื่อยๆ จนจะลบล้างความเชื่อนั้นออกไปจนจะหมดสิ้น ความดีและชื่อเสียงเท่านั้นที่จะคงอยู่ให้ชนรุ่นหลังได้ชื่นชม เบื้องหน้าและเบื้องหลังต้องเท่ากัน เราเชื่ออย่างมั่นใจว่า ความเชื่อถูกลบล้างได้ แต่ ความจริงเป็นสิ่งที่คงอยู่และไม่ตาย

    ReplyDelete